หน้าจอโทรศัพท์มีกี่ชนิด? มาอัปเดตเทคโนโลยีจอกัน!

สวัสดีชาวสายเทคทุกคน! วันนี้เราจะมาอัปเดตเทคโนโลยีกันหน่อย กับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "หน้าจอโทรศัพท์" ซึ่งเป็นสิ่งที่เราใช้กันแทบจะตลอดเวลา แต่รู้หรือไม่ว่าหน้าจอโทรศัพท์มีกี่ชนิด และแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียอย่างไร? บอกเลยว่าบทความนี้นอกจากจะให้ความรู้ ครบรส เหมือนเดิม!

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับชนิดของหน้าจอโทรศัพท์กันคร่าวๆ กันก่อนดีกว่า โดยหลักๆ แล้ว หน้าจอโทรศัพท์ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่

*1. LCD (Liquid Crystal Display) : หน้าจอแบบ LCD เป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยกันดี มีหลักการทำงานโดยอาศัยการเรียงตัวของผลึกเหลวเพื่อสร้างภาพ โดยแบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
– TN (Twisted Nematic) : เป็นหน้าจอ LCD แบบดั้งเดิม มีราคาถูก มุมมองแคบ สีสันไม่สดใส
– IPS (In-Plane Switching) : เป็นหน้าจอ LCD ที่พัฒนาขึ้นมาให้มีมุมมองกว้าง สีสันสดใส คมชัดกว่า TN เหมาะกับการใช้งานทั่วไป

*2. OLED (Organic Light-Emitting Diode) : หน้าจอแบบ OLED เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลักการทำงานโดยใช้สารประกอบอินทรีย์เรืองแสง จุดเด่นคือดำสนิท สีสันสดใส ประหยัดพลังงาน เหมาะกับการใช้งานที่เน้นคอนทราสต์สูง

*3. AMOLED (Active-Matrix OLED) : เป็นหน้าจอ OLED ที่พัฒนาขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยใช้ทรานซิสเตอร์แบบ Active-matrix มาควบคุมการทำงานของพิกเซลแต่ละจุดทำให้หน้าจอมีการตอบสนองที่รวดเร็ว สีสันสดใส คมชัด ประหยัดพลังงาน เหมาะกับการใช้งานที่เน้นประสิทธิภาพสูง

ข้อดีข้อเสียของแต่ละชนิด

LCD:

*ข้อดี : ราคาถูก, มีความสว่างสูง
*ข้อเสีย : มุมมองแคบ, สีสันไม่สดใส, กินพลังงานมาก

OLED:

*ข้อดี : ดำสนิท, สีสันสดใส, ประหยัดพลังงาน
*ข้อเสีย : ราคาแพง, เกิดรอยไหม้ได้ง่าย

AMOLED:

*ข้อดี : ดำสนิท, สีสันสดใส, ประหยัดพลังงาน, ตอบสนองรวดเร็ว
*ข้อเสีย : ราคาแพง, เกิดรอยไหม้ได้ง่าย

สรุป การเลือกชนิดของหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน ใครเน้นใช้งานทั่วไป LCD ก็เพียงพอ แต่ถ้าอยากได้สีสันสดใส คมชัด ประหยัดพลังงาน จอ OLED และ AMOLED ก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ราคาสูงกว่า