ปรึกษาด่วน

แนะนำ App ตัดต่อ/วิดีโอ ในมือถือยอดนิยมปี 2025

แอปแต่งภาพ (Photo Editing) สำหรับ iPad

Snapseed

  • จุดแข็ง ฟรี 100%, ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่และผู้ที่ต้องการแต่งภาพไว ๆ มีเครื่องมือครบกว่า 25 รายการ + ฟิลเตอร์หลายแบบ (ครอบตัด, ปรับแสง/สี, โครงสร้าง, HDR, perspective, รีทัช ฯลฯ) เหมาะทั้งถ่ายจากกล้อง iPad/สมาร์ตโฟนและไฟล์ RAW จริงจัง
  • ฟีเจอร์เด่น เปิดไฟล์ RAW ได้, ปรับ exposure / white balance / contrast / สี / sharpness แบบละเอียด, retouch จุดด่างดำ, ปรับโครงสร้าง, ปรับ perspective ให้เส้นตรงเหมาะกับภาพอาคาร, ปรับโทนสีพิเศษ (ฟิล์ม, ขาวดำ, ซีด, วินเทจ ฯลฯ)
  • เหมาะกับใคร ถ้าคุณอยาก “แต่งภาพง่าย ๆ + สวยเร็ว” สำหรับโพสต์โซเชียล, ถ่ายรูปเล่น, หรือแก้ภาพด่วน — Snapseed เป็นตัวที่น่าสนใจมาก เพราะใช้ฟรีและครบจริง
  • ข้อจำกัด สำหรับงานระดับมืออาชีพที่ต้องการ Layer, Mask, Composite ภาพหลายชั้น อาจจะไม่ครบ — Snapseed เหมาะกับการ “ปรับ + รีทัช + ฟิลเตอร์” มากกว่า

Pixelmator Photo (บน iPad) / บางคนใช้คู่กับ Photomator

  • จุดแข็ง เป็นแอปแต่งภาพที่ออกแบบมาให้ “ใช้งานบน iPad เหมือนทำบนคอม” — รองรับไฟล์ RAW, มีฟีเจอร์รีทัช ลบวัตถุ/แบ็กกราวด์, แต่งสี, คุมโทน, รองรับการทำงานร่วมกับเมาส์/แทร็คแพด และสามารถทำงานแบบ Split View ได้ ทำให้เหมาะกับคนที่แต่งภาพจริงจังมากขึ้น
  • ฟีเจอร์เด่น รองรับ RAW, ใช้ ML / AI ช่วยตกแต่งและปรับภาพอัตโนมัติ, “Stack / Preset / Batch processing” เหมาะกับคนที่มีไฟล์จำนวนมาก (เช่น ถ่ายเป็นชุด) และต้องการ workflow เร็วขึ้น
  • เหมาะกับใคร ช่างภาพ, คนที่แต่งภาพจริงจัง, คนที่ต้องรีทัชหลายภาพต่อวัน หรือต้องการคุมสี/โทนอย่างละเอียด
  • ข้อจำกัด ปัจจุบันแอป “เดิม” (Pixelmator) เริ่มดูค่อนข้างเก่า และมีความสับสนเรื่องโมเดลการจ่ายเงิน — บางเวอร์ชันเปลี่ยนเป็นแบบสมัครสมาชิกรายเดือน/รายปี (สำหรับบางคน) แทนการซื้อขาด อีกทั้งถ้าคุณต้องการฟีเจอร์แบบ “ทำกราฟิกหลายเลเยอร์ + Composite + วาด + ตัดองค์ประกอบภาพที่ซับซ้อน” — Pixelmator Photo อาจยังไม่ครบแบบ app มือโปรบนคอม

แอปตัดต่อ / ทำวิดีโอ สำหรับ iPad

DaVinci Resolve for iPad

  • จุดแข็ง เป็น “มือโปร” ตัวจริง — มีระบบตัดต่อ + color grading แบบ node-based (คุมสี โทน เงา ไฮไลต์ แบบละเอียดมาก) รองรับไฟล์หลายฟอร์แมต (H.264, H.265, Apple ProRes, Blackmagic RAW) และสามารถ import จากคลัง iPad, iCloud หรือ external storage ได้
  • ฟีเจอร์เด่น ตัดต่อหลายเลเยอร์, ปรับสีแบบมือโปร, รองรับ video from external USB-C, ทำงานร่วมกับ Apple Pencil / Magic Keyboard / Trackpad, เหมาะกับ iPad รุ่นที่ใช้ชิป M1/M2 เพื่อให้รันได้ลื่น
  • เหมาะกับใคร ถ้าคุณจริงจังกับงานวิดีโอ — เช่น ถ่ายวิดีโอ แล้วต้องการควบคุมสีให้เหมือนหนัง, ทำ short film, YouTube, งานที่ต้องการคุณภาพสูง — DaVinci Resolve for iPad คือตัวที่คุ้มสุด
  • ข้อจำกัด / ข้อควรระวัง แอปค่อนข้าง “หนัก” — ถ้า iPad เครื่องเก่า หรือสเปกต่ำ อาจเจอปัญหาเรื่อง performance / ความเสถียร / เล่นวีดีโอไม่ลื่นบ้าง นอกจากนี้ บางฟีเจอร์ advanced (เช่น HDR, RAW, AI features) อาจต้องอัปเกรดเป็น Studio (จ่ายเพิ่ม)

iMovie (สำหรับ iPad / iOS)

  • จุดแข็ง เป็นตัวพื้นฐานที่เหมาะกับมือใหม่สุดๆ เพราะใช้งานง่าย เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มตัดต่อคลิป, อยากลองทำ Vlog, คลิปง่าย ๆ โดยไม่ต้องเรียนรู้ซับซ้อน
  • ฟีเจอร์ทั่วไป ตัด/ตัดแต่งคลิป, ใส่ transition (fade, slide, cube, page curl ฯลฯ), ใส่เสียง / เพลง / voice-over, ใส่เอฟเฟกต์เบื้องต้น, ปรับสี/แสงในเบื้องต้น, crop/rotate, รองรับ green-screen / background replacement, split-screen / PIP, export เป็น MP4 / QuickTime ฯลฯ
  • เหมาะกับใคร ถ้าคุณอยาก “เริ่มตัดต่อคลิปง่าย ๆ” โดยไม่ต้องใช้เวลาหัด ใช้สำหรับคลิปสั้น, คลิปครอบครัว, Vlog ส่วนตัว, คลิปโซเชียล
  • ข้อจำกัด ฟีเจอร์ค่อนข้างพื้นฐาน — ถ้าคุณต้องการงานที่ “จริงจัง” และ “ครบเครื่อง” (หลายเลเยอร์, สี, เอฟเฟกต์ซับซ้อน) มันอาจไม่เพียงพอ

MOLDIV VideoLab Video Editor

  • จุดแข็ง ใช้งานง่าย เหมาะกับคนที่ต้องตัดต่อวิดีโอ “เพื่อโซเชียล / คลิปสั้น / Vlog” — มีเทมเพลตให้เลือกเยอะ ฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์ สติกเกอร์ เคลื่อนไหว, รองรับการตัด/แยกคลิป, ใส่ข้อความ, ใส่เพลง, PIP (ภาพซ้อนภาพ) ฯลฯ
  • ฟีเจอร์เด่น 250+ เทมเพลต, ฟิลเตอร์มากกว่า 260, รองรับอัตราส่วนตามโซเชียล (9:16, 1:1, 16:9 ฯลฯ), export วิดีโอ 4K / Full HD, ใส่เพลง (จากในแอปหรือ iTunes), แยกเสียง, ปรับสปีด, หมุน/พลิกวิดีโอ, ใส่พื้นหลัง, เปลี่ยนอัตราส่วน, สร้างสไลด์โชว์ ฯลฯ
  • เหมาะกับใคร ถ้าคุณทำคลิปสั้น, Vlog, Post ลง TikTok / Instagram / YouTube แบบเร็ว ๆ ไม่ต้องการเครื่องมือซับซ้อน — MOLDIV VideoLab เหมาะมาก
  • ข้อจำกัด สำหรับงานวิดีโอที่ต้องการ “ควบคุมละเอียด” — เช่น สี, การตัดต่อหลายเลเยอร์, งาน cinematography — แอปนี้อาจมีข้อจำกัดกว่าตัวมือโปร (เช่น DaVinci Resolve)

แนวทางเลือก: ใช้แอปไหนเมื่อไหร่ดี
ถ้าคุณต้องการ แอปที่เหมาะเลือกได้ดังนี้

  1. แต่งภาพแบบง่าย + ฟรี / เน้นโพสต์โซเชียล Snapseed
  2. แต่งภาพแบบมืออาชีพ, RAW, รีทัช, งานจริงจัง Pixelmator Photo (หรือ Photomator)
  3. ตัดต่อวิดีโอง่าย ๆ / เริ่มต้น / Vlog / คลิปสั้น iMovie, MOLDIV VideoLab
  4. วิดีโอคุณภาพสูง / ทำหนัง / ตัดต่อ + คุมสี + โปรเจ็กต์จริงจัง DaVinci Resolve for iPad